วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

is5

บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ

จากการศึกษาครั้ง เพื่อสำรวจสาเหตุของการเรียนกวดวิชาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและ
เพื่อทราบค่านิยมของการกวดวิชา โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา๒ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2556  ซึ่งสามารถสรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะได้ดังนี้

1.  วัตถุประสงค์ของการศึกษา
2.  สมมุตติฐานของการศึกษา
3.  ขอบเขตของการศึกษา
4.  เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
5.  วิเคราะห์ข้อมูล
6.  สรุปผลการศึกษา
7.  ข้อเสนอแนะ

วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.เพื่อหาสาเหตุการไม่สวมหมวกนิรภัย
2.เพื่อปลูกจิตสำนึกและคำนึงถึงความปลอดภัยของการขับขี่
3.เพื่อให้ตระหนักถึงประโยชน์ของการสวมหมวกนิรภัยและโทษของการไม่สวมหมวกนิรภัย
4.เพื่อให้ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับนิรภัย

สมมุตติฐานของการศึกษา
        การสวมหมวกนิรภัยนั้นสามารถช่วยลดการสูญเสียในการเกิดอุบัติเหตุได้มากน้อยแค่ไหน

ขอบเขตของการศึกษา
1. ประชากรที่ใช้ในการศึกษา
       ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ นักเรียนมัธยมตอนปลายในโรงเรียนนวมินทราชิทิศ สตรีวิทยา๒
2. กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา
       กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่5-6ที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา๒ จำนวน100คน

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
       เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย แบบสอบถามจำนวน100ฉบับ เรื่องการขับขี่สวมหมวกนิรภัย โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทนา๒ จำนวน10ข้อ

การวิเคราะห์ข้อมูล
             ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ข้อมูลของนักเรียนที่มีต่อการขับขี่สวมหมวกนิรภัยของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
เช่น การเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากไม่สวมหมวกนิรภัยเมื่อขับขี่จักยานยนต์

สรุปผลการศึกษา
           ผลการศึกษาที่มีต่อการศึกษาเรื่อง การขับขี่ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย อยู่ในระดับคุณภาพ มากสุด

การอภิปรายผล
       จากการศึกษา การขับขี่สวมหมวกนิรภัยของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนในเขตคลองสามวา และเขตมีนบุรี พบว่า นักเรียนทุกคนมีการขับขี่สวมหมวกนิรภัย อยู่ในระดับมากสุด คิดเป็นร้อยละ 3.3


ข้อเสนอแนะ
        ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งนี้
1.  สามารถนำไปศึกษาปัญหาต่างๆที่พบในโรงเรียนได้ แต่ควรมีตัวแปรร่วมด้วย เพื่อให้การศึกษามีคุณภาพ
2.  สามารถนำไปศึกษากับกลุ่มตัวอย่างอื่น
3.  ควรมีเวลาศึกษามากขึ้น



is4

บทที่  4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

                       
                      การวิเคราะห์ข้อมูล   การสวมหมวกนิรภัย
ระดับชั้นมัธยมตอนปลาย  โรงเรียน นวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2
                    ตารางที่ 1   แสดงผลระดับคะแนนการประเมินเรื่องการสวมหมวกนิรภัย
นักเรียนชั้นมัธยมปลาย จำนวน 100  คน

ราการประเมิน
ระดับคะแนน
4
3
2
1
พอใจต่อการปฏิบัติตามกฎจราจร
25%
30%
25%
20%
การสวมหมวกนิรภัยสามารถป้องกันอุบัติเหตุ
15%
30%
30%
25%
3  สร้างจิตสำนึกให้กับตนเอง
50%
25%
25%
0%
4  สร้างความเคยชิน
0%
50%
25%
25%
การสวมหมวกนิรภัยมีผลต่อการขับขา
50%
40%
10%
0%
ราคาหมวกนิรภัยมีผลกระทบต่อการซื้อมาใส่
20%
30%
10%
40%
หมวกนิรภัยป้องกันแสงแดดและฝุ่นควันได้
60%
30%
10%
0%
มีสมาธิในการขับขี่มากขึ้น
20%
60%
30%
0%
เห็นด้วยในการรณรงค์ให้สวมหมวกนิรภัย
80%
10%
10%
0%
10  รู้สึกปลอดภัยขึ้น
90%
10%
0%
0%











จากตารางที่1 พบว่า ความพึงพอใจต่อการปฎิบัติตามกฎจราจร อยู่ในระดับ 3 คิดเป็นร้อยละ30
การสวมหมวกนิรภัยสามารถป้องกันอุบัติเหตุ อยู่ในระดับ3และ4 คิดเป็นร้อยละ 30
สร้างจิตสำนึกให้กับตนเอง อยู่ในระดับ4 คิดเป็นร้อยละ 50
                สร้างความเคยชิน                อยู่ในระดับ 3 คิดเป็นร้อยละ 50
ตารางที่2 แสดงผลการประเมินการสวมหมวกนิรภัย
ของระดับชั้นมัธยมตอนปลาย โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา๒

รายการประเมิน
ค่าเฉลี่ย
ระดับคุณภาพ
1.พอใจต่อการปฏิบัติตามกฎจราจร
3
ปานกลาง
2.การสวมหมวกนิรภัยสามารถป้องกันอุบัติเหตุ
3
ปานกลาง
3.สร้างจิตสำนึกให้กับตนเอง
4
มาก
4.สร้างความเคยชิน
3
ปานกลาง
5.การสวมหมวกนิรภัยมีผลต่อการขับขา
4
มาก
6.ราคาหมวกนิรภัยมีผลกระทบต่อการซื้อมาใส่
1
น้อยที่สุด
7.หมวกนิรภัยป้องกันแสงแดดและฝุ่นควันได้
4
มาก
8.มีสมาธิในการขับขี่มากขึ้น
3
ปานกลาง
9.เห็นด้วยในการรณรงค์ให้สวมหมวกนิรภัย
4
มาก
10.รู้สึกปลอดภัยขึ้น
4
มาก
รวม         33
รวมทั้งฉบับ   3. 3
          
               จากตารางที่2จพบว่า นักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย มีการสวมหมวกนิรภัย
              โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา2 อยู่ในคุณภาพมากสุด 33 ค่าเฉลี่ย 3.3


is3

บทที่3
วิธีการดำเนินการศึกษา
ได้ทำการศึกษาการสวมหมวกนิรภัยซึ่งมีวิธีการดังนี้
ระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษา
             ในการศึกษาใช้รูปแบบการสำรวจ สืบค้นข้อมูล จากหนังสืออินเทอร์เน็ต และการตอบแบบสอบถาม
ประชากรที่ใช้ในการศึกษา
1.ประชากร
        ประชากรที่ใช้ในการศึกาครั้งนี้เป็นนักเรียนมัธยมปลาย โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา๒ ภาคเรียนที่1ปีการศึกษา 2556
2.กลุ่มตัวอย่าง
        กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่นักเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนนวมินทราชินูทิศสตรีวิทยา๒ ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2556 เป็นนักเรียนทั้งสิ้น 100 คนได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย จำนวน5ห้องเรียน เพื่อตอบแบบสอบถามที่สร้างขึ้น
3.ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา
       ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา ในภาคเรียนที่1ปีการศึกษา2556





วิธีการดำเนินการศึกษา
1.กำหนดเรื่องที่จะศึกษา โดยสมาชิกทั้ง5คนประชุมร่วมกัน และร่วมกันคิดและวางแผน ว่าจะศึกษาเรื่องใด
2.สำรวจปัญหาที่พบในโรงเรียน ซึ่งมีทั้งปัญหาทั้งด้านผู้เรียน ผู้นสอน อาคาร สถานที่ ฯลฯ
3.เลือกเรื่องที่จะศึกษาโยเลือกเรื่องที่สมาชิกมีความสนใจมากที่สุด เพื่อเป็นแรงจูงใจในการค้นหาคำตอบ
4.ศึกษาแนวคิดในการแก้ปัญหา(ในข้อนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้)ศึกษาเพียงเพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องกระบวนการวิจัยเท่านั้น
5.ตั้งชื่อเรื่อง
6.สมาชิกทั้ง5คนของกลุ่ม พบครูผู้สอนเพื่อปรึกษารับฟังความคิดเห้นและวางแผน ปรับปรุงแก้ไข
7.เขียนความสำคัญเพื่อเป็นที่มาของปัญหา วัตถุประสงค์ สมมุติฐาน ขอบเขตการวิจัยและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
8.สร้างเครื่องมือที่เป็นแบบสอบถาม 10ข้อ
9.นำเคื่องมือที่ปรับปรุงแล้วไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
10.รวบรวมข้อมูล
11.วิเคราะห์ข้อมูล
12.สรุปการศึกษา

     



ขั้นตอนวิธีดำเนินการศึกษา

               

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
                               
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม ( หรือแบบประเมินความพึงพอใจ) 1 ฉบับ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1.ออกแบบสอบถาม เรื่อง โดยขอคำแนะนำจาก การกวดวิชาของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายคุณครู นายประทีป  ค้ายาดี โดยเตรียมร่างข้อคำถาม มีลักษณะเป็นข้อคำถามจำนวน 12 ข้อ เป็นแบบ
เลือกตอบ คือ เลือกตอบตามหัวข้อที่แต่ละข้อกำหนดไว้ โดยตอบตามความเป็นจริง
                               
การพิจารณาค่าเฉลี่ย จะใช้เกณฑ์ดังนี้
ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00                           หมายถึง                                เลือกมากที่สุด
                ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50                           หมายถึง                                เลือกมาก
ค่าเฉลี่ย 2.51 – 3.50                           หมายถึง                                เลือกปานกลาง
ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50                        หมายถึง                                เลือกน้อย
ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.50                        หมายถึง                                เลือกน้อยที่สุด

2.สร้างแบบสอบถาม เรื่อง การขับขี่สวมหมวกกันน๊อค โดยขอคำแนะนำจากคุณครูประทีป  ค้ายาดี  จากนั้นนำมาปรับปรุงแก้ไข แล้วนำไปตรวจสอบความเหมาะสม
3.นำแบบสอบถามเรื่อง การขับขี่สวมหมวกกันน็อค ที่แก้ไข ปรับปรุงแล้วให้กลุ่มตัวอย่างประเมิน หลังจากนั้นนำผลที่ได้มาหาค่าเฉลี่ย


                การเก็บรวบรวมข้อมูล
                               
การศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการโดยนำแบบสอบถามที่สร้างขึ้นให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างตอบ จำนวน 100 คน และเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียน ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยผู้ศึกษาทั้ง 5 คน ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตอนเอง

การวิเคราะห์ข้อมูล
                                ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
1.             นำแบบสอบถามทั้งหมดที่ตอบโดยนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง มาหาค่าคะแนนรวม
2.             นำผลรวมมาคิดค่าร้อยละ 











สถิติที่ใช้ในการศึกษา
                                สถิติที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้  คือ การหาค่าเฉลี่ยคิดเป็น ร้อยละ


คำถาม
มาก
ปานกลาง
น้อย
น้อยที่สุด
รวม
1.พอใจต่อการปฏิบัติกฎจราจร
25
30
25
20
100
2.การสวมหมวกนิรภัยสามารถป้องกันอันตรายได้
15
30
30
25
100
3.สร้างจิตสำนึกให้ตนเอง
50
25
25
-
100
4.สร้างความเคยชิน
-
50
25
25
100
5.การสวมหมวกนิรภัยมีผลต่อการขับขี่
50
40
10
-
100
6.ราคาของหมวกนิรภัยมีผลกระทบต่อการซื้อมาใส่                                               
20
30
10
40
100
7.หมวกนิรภัยป้องกันแสงแดดและฝุ่นควันได้
60
30
10
-
100
8.มีสมาธิในการขับขี่
20
60
30
-
100
9.เห็นด้วยในการรณรงค์ให้สวมหมวกนิรภัย
80
10
10
-
100
10.รู้สึกปลอดภัยขึ้น
90
10
-
-
100